ก่อนตัดสินใจจองแพคเกจถ่ายภาพจากสตูดิโอเวดดิ้ง หลายๆคู่มักจองเป็นแพคเกจข้อดีของการจองPackage คือได้ครบทุกอย่างในราคาถูก แต่จริงๆแล้วมีข้อควรระวัง
1. สตูดิโอถ่ายภาพ/ร้านแต่งงานจะมีความชำนาญงานเวดดิ้ง สิ่งต่างๆที่คิดราคามารวมเข้าในแพคเกจเรียบร้อยแล้ว คุณภาพงานที่ได้จากผู้ผลิต/ผู้บริการอื่นๆไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าที่ควร เพราะทางผู้ผลิตจะไปกดราคาผู้บริการอื่นๆ เช่น หาช่างภาพมาในราคาถูกซึ่งคุณภาพงานไม่มี และมาบวกเพิ่มขายลูกค้าทีหลัง (เฉพาะบางสตูดิโอ/ร้านแต่งงานเท่านั้น) แต่ร้าน Kiss Wedding Studio ทางเราถ่ายภาพเองปัญหาเหล่านี้จึงไม่เกิดกับร้านเราแน่นอนครับ
*คำแนะนำ หากไม่แน่ใจเลือกแพคเกจจริงๆ ให้ถามทางร้านแต่งงานหรือทางสตูเยอะๆเรื่องสิ่งที่จะได้หลังจากจบงานเพราะบางสตูดิโอเค้าบอกไม่หมด เพื่อให้ลูกค้าเสียเงินเพิ่มภายหลัง ถ้าพลาดจองกับสตูนั้นไปเรียบร้อยแล้วต้องขอต่อรองเรื่องแพคเกจที่มีการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง โดยต่อรองของแถมให้เปลี่ยนเป็นภาพถ่ายหรืออัลบั้ม
2. ราคาในแพคเกจ เป็นราคาเหมารวมทำให้ไม่เห็นราคาจริงๆภายหลัง จะปรับเปลี่ยนจะต่อรองได้ยาก (โดยเฉพาะเมื่อวางเงินมัดจำไปแล้ว มักทำให้ลูกค้าเสียเปรียบเสมอ)
*คำแนะนำ ควรวางแผนและตั้งงบประมาณคร่าวๆ ว่าต้องการภาพและอัลบั้มภาพลักษณะใดบ้าง
ภาพตั้งหน้างานจะเริ่มจากขนาดภาพ 16x20นิ้ว ใหญ่ขึ้นมาขนาด 20x24นิ้ว จนถึงขนาด 20x30นิ้ว พร้อมกรอบ (ควรถามทางร้านไว้ล่วงหน้าถ้าภาพเพิ่ม+พร้อมกรอบ นอกเหนือจากในแพคเกจจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร เพราะมีโอกาสเพิ่มภาพในภายหลังจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องซื้อภาพเพิ่มได้นะครับ)
อัลบั้มภาพ ภาพถ่ายสตูดิโอแต่งงานส่วนใหญ่ (ร้อยละ 95) จะใช้ฟิล์มขนาด 120mm. แตกต่างจากกล้องขนาด 35 mm. ทั่วๆไป ฟิล์มที่ได้จะสามารถนำมาอัดภาพได้แค่ขนาด 4x5นิ้ว จะเล็กกว่าภาพขนาดจัมโบ้ 4x6นิ้ว ประมาณ 1นิ้ว ซึ่งร้านแต่งงาน/สตูดิโอ ควรจะจัดอัลบั้ม 4x5นิ้วให้แก่ลูกค้าด้วย และควรสอบถามทางร้านในกรณีจะซื้อภาพเพิ่มจะคิดราคาเท่าไร ส่วนมากจะมาซื้อภาพเพิ่มจากแพคเกจภายหลังโดยไม่ได้ต่อราคาอัลบั้มกับทางร้านไว้ก่อน ร้านแต่งงาน/สตูดิโอ จะคิดราคาอัลบั้มภายหลังเพิ่มภายหลังแพงกว่าความเป็นจริง
3. ร้านเวดดิ้ง/สตูดิโอ จะมีรายได้เพิ่มหลังจากถ่ายภาพเสร็จเยอะมากด้วยการให้ Sale เป็นตัวแทนขายภาพ+ฟิล์ม เพิ่มเกินกว่าในแพคเกจที่จองไว้โดยราคาที่ขาย มักจะสูงเกินจริงมาก (ยกเว้นสตูที่ถ่ายภาพด้วยระบบDigitalจะไม่มีฟิล์มให้ครับ)
*คำแนะนำ จะต้องคุยกับ Sale ก่อนวางมัดจำในครั้งแรก ถึงกรณีการเลือกภาพ+ฟิล์มเพิ่ม เกินกว่าแพคเกจแต่งงานทางร้านจะคิดเพิ่มเท่าไรรวมทั้งบันทึกลงในใบจองเพื่อเป็นลายลักษณ์อักษร
เชื่อหรือไม่ !!! หากไม่ได้คุยเรื่องไฟล์ภาพไว้ตั้งแต่ทีแรก ร้านแต่งงาน/สตูดิโอแต่งงาน ขายภาพพร้อมไฟล์ภาพเพิ่มในราคา 700-1000บาท ในขณะที่ต้นทุนฟิล์มและภาพราคาไม่ถึง 30บาท (จริงๆแล้วราคาภาพและฟิล์มส่วนที่อยู่เหนือนอกแพคเกจราคาควรอยู่ที่ 200-400บาทต่อภาพเท่านั้น ไม่ควรจะเกินกว่านี้)
ควรจะดูรายละเอียดในใบจองให้ชัดเจนว่าภาพที่ได้ในแพคเกจจะได้รับฟิล์มด้วยบางสตูดิโอไม่ยอมให้ฟิล์มแก่ลูกค้า ซึ่งจุดนี้หากมีระบุก็จะไม่มีปัญหาในภายหลัง
4. การแข่งขันสูงของสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงาน ทำให้ Sale พยายามพูดเพื่อให้จองแพคเกจโดยวางเงินมัดจำไว้ก่อน บ่อยครั้ง Sale ร้านแต่งงาน/สตูดิโอแต่งงาน จะพูดเกินจริงไปเสมอ เช่น มีชุดให้เลือกวันงานเป็นร้อยๆชุดใหม่ๆทั้งหมด หรือ รับรองถ่ายภาพมาจะต้องสวยเหมือนดารา หรือเพิ่มเงินอีกนิดหนึ่งจะตัดชุดใหม่ให้
*คำแนะนำ
ถ้าไม่ได้เห็นชุด (ในตู้สำหรับลูกค้าเลือกใส่วันงาน) ไม่ควรจองแพคเกจแบบเหมารวมชุดบ่าว-สาววันงานโดยเด็ดขาด(แม้ว่าแถมฟรีก็ตาม) หลายคู่ต้องเสียเงินแทนแถมเจ็บใจเพราะจุดนี้มาแล้ว และยังเป็นเรื่องทะเลาะกันภาพหลัง
ถ้าไม่ได้เห็นผลงานภาพนิ่งและVDO ไม่ควรจองแพคเกจแบบเหมารวมภาพนิ่งVDOวันงานโดยเด็ดขาด(แม้แถมฟรีก็ตาม) ทีมงานถ่ายภาพสตูดิโอ/ช่างภาพพรีเวดดิ้ง มักเป็นคนละชุดกับ ทีมถ่ายภาพนิ่งวันงานซึ่งร้านแต่งงาน/สตูดิโอ มักจะใช้ช่างภาพนิ่งจากข้างนอก ซึ่งร้านแต่งงานควบคุมคุณภาพงานได้ยาก